คู่มือการศึกษา : ประวัติศาสตร์ชาติไทย

 

คู่มือการศึกษา : ประวัติศาสตร์ชาติไทย
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2565)

ภาพรวมของแหล่งข้อมูล

เอกสาร "คู่มือการสอนอบรมวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2565)" จัดทำโดยโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า กองทัพบก โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมความรู้ด้านประวัติศาสตร์ชาติไทย สร้างความภาคภูมิใจ ความรัก และความหวงแหนในความเป็นชาติไทย เอกสารฉบับนี้เป็นการปรับปรุงจากฉบับปี พ.ศ. 2551 โดยคงวัตถุประสงค์เดิม (ยกเว้นข้อ 1 ที่ถูกตัดออก) และเพิ่มเติมเนื้อหาให้ทันสมัย ครอบคลุมเหตุการณ์จนถึงปี พ.ศ. 2565 โครงสร้างของคู่มือแบ่งเป็น 7 บท โดยแต่ละบทประกอบด้วยแนวคิดหลัก วัตถุประสงค์หลัก เนื้อหาหลัก และบทเรียนที่ได้รับ รวมถึงกรณีศึกษา หนังสืออ่านเพิ่มเติม และแหล่งที่มาของข้อมูล

โครงสร้างและวัตถุประสงค์ของคู่มือ

คู่มือนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญคือ:

  • สร้างความภาคภูมิใจ ความรัก และความหวงแหนในความเป็นชาติไทย: เพื่อนำไปสู่ความรักและความสามัคคีของประชาชนชาวไทย
  • ทำความเข้าใจพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ชาติไทย: ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
  • ตระหนักและภาคภูมิใจในความอุตสาหะ กล้าหาญ และเสียสละของบรรพชน: รวมถึงบุคคลต่างเชื้อชาติวัฒนธรรมที่ร่วมสร้างและปกป้องชาติ
  • รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เกิดเป็นพลเมืองไทย: และหวงแหนมรดกของชาติ
  • ศึกษาบทเรียนจากประวัติศาสตร์ชาติไทย: ทั้งในแง่บวกและลบ และเห็นคุณค่าของการศึกษาประวัติศาสตร์
  • มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์: และตระหนักถึงบทบาทของสถาบันฯ ในสังคมไทย

คู่มือนี้เน้นการนำเสนอประวัติศาสตร์ในลักษณะของแผนบทเรียน (lesson plan) ที่กระชับ เข้าใจง่าย และสามารถนำเหตุการณ์สำคัญมาใช้เป็นตัวอย่างหรือบทเรียนได้ชัดเจน

คำแนะนำในการศึกษา

  • บทที่ 1: มุ่งเน้นความเข้าใจพื้นฐานของประวัติศาสตร์ ทั้งความหมาย วิธีการศึกษา (วิธีทางประวัติศาสตร์) และแนวคิดในการตีความและอธิบายความ รวมถึงสำนักคิดและวาทกรรมทางประวัติศาสตร์ และความสำคัญของหลักฐานต่างๆ ควรเน้นทำความเข้าใจแนวคิดหลัก วัตถุประสงค์หลัก และเนื้อหาหลักในส่วนนำ และศึกษา "กรณีศึกษา" เพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
  • บทที่ 2-7: เนื้อหาหลักในแต่ละบทถูกเขียนขึ้นอย่างกระชับเพื่อให้อ่านได้ในเวลาจำกัด และเหมาะสำหรับผู้สอนนำไปอบรม หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม ให้ศึกษาจาก "กรณีศึกษา" ซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึกในแต่ละประเด็น

คำถามเพื่อทบทวนความเข้าใจ (Quiz)

ตอบคำถามแต่ละข้อด้วยประโยค 2-3 ประโยค

  1. วัตถุประสงค์หลักของการจัดทำ "คู่มือการสอนอบรมวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย" คืออะไร?
  2. ตามคำนำ "ประวัติศาสตร์ชาติ" แตกต่างจาก "ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น" อย่างไรในเชิงวัตถุประสงค์?
  3. "วิธีการทางประวัติศาสตร์" ให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากที่สุดในการศึกษาค้นหาความจริงในอดีต?
  4. ตามแนวคิดของ ปีเตอร์ เซชัส และทอม มอร์ตัน หนึ่งในหกความคิดหลักของการคิดแบบประวัติศาสตร์คือ "ความสำคัญทางประวัติศาสตร์" อธิบายความหมายของแนวคิดนี้
  5. อธิบายความแตกต่างระหว่าง "หลักฐานชั้นต้น" และ "หลักฐานชั้นรอง" พร้อมยกตัวอย่าง
  6. เหตุใด "หอจดหมายเหตุต่างประเทศ ทูลกระหม่อมอาจารย์" จึงมีความสำคัญต่อการศึกษาประวัติศาสตร์ไทยสมัยใหม่?
  7. ยกตัวอย่างหลักฐานทางประวัติศาสตร์ฝ่ายไทยประเภทลายลักษณ์อักษรที่สำคัญในสมัยอยุธยาถึงก่อนสมัยใหม่มา 2 ประเภท
  8. อธิบายแนวคิด "รัฐแสงเทียน" ที่เกี่ยวข้องกับอาณาเขตของรัฐจารีตในอดีตของไทย
  9. จากบทเรียนที่ 2.2 การวางหลักปักฐานบ้านเมืองในยุคโลหะ ปัจจัยใดที่นำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมืองในยุคแรกเริ่ม?
  10. การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ให้บทเรียนสำคัญอะไรแก่คนไทยในปัจจุบัน?

เฉลยคำถามเพื่อทบทวนความเข้าใจ (Quiz Answer Key)

  1. วัตถุประสงค์หลักของการจัดทำคู่มือนี้คือเพื่อส่งเสริมความรู้ด้านประวัติศาสตร์ชาติไทย สร้างความภาคภูมิใจ ความรัก และความหวงแหนในความเป็นชาติไทย เพื่อนำไปสู่ความรักและความสามัคคีของประชาชนชาวไทยสืบไป
  2. "ประวัติศาสตร์ชาติ" มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความภาคภูมิใจและความรักชาติ เพื่อหลอมรวมสำนึกของความเป็นชาติร่วมกัน ส่วน "ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น" มุ่งเน้นการศึกษาเหตุการณ์หรือเรื่องราวของท้องที่ใดท้องที่หนึ่งโดยเฉพาะ และอาจไม่มีความสำคัญในระดับชาติ
  3. "วิธีการทางประวัติศาสตร์" ให้ความสำคัญอย่างมากกับการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อเท็จจริงและหลักฐานประเภทลายลักษณ์อักษรที่นำมาศึกษา รวมถึงกระบวนการคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการศึกษา เพื่อให้ได้คำตอบที่น่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับ
  4. "ความสำคัญทางประวัติศาสตร์" หมายถึงการพิจารณาว่า ผู้คน เหตุการณ์ และพัฒนาการใดที่มีความสำคัญเพียงพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งต่อผู้คนจำนวนมาก หรือมีความหมายสำคัญในเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ถูกเล่าต่อๆ กันมา
  5. "หลักฐานชั้นต้น" คือหลักฐานที่สร้างขึ้นหรือบันทึกในสมัยของเหตุการณ์ที่ศึกษา หรือเป็นข้อมูลที่ได้จากประจักษ์พยานโดยตรง เช่น จารึก พงศาวดาร "หลักฐานชั้นรอง" คือหลักฐานที่สร้างขึ้นหรือบันทึกภายหลังจากเหตุการณ์ หรือเป็นข้อมูลที่ได้จากคำบอกเล่าของผู้อื่น เช่น งานวิจัย บทความทางวิชาการ
  6. "หอจดหมายเหตุต่างประเทศ ทูลกระหม่อมอาจารย์" มีความสำคัญเนื่องจากเป็นแหล่งรวบรวมและจัดเก็บเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ไทยจากต่างประเทศจำนวนมาก ทั้งข้อมูลใหม่และข้อมูลลับ ซึ่งช่วยเติมเต็มจุดอ่อนของการศึกษาประวัติศาสตร์ไทยที่มักขาดแคลนหลักฐานจากต่างประเทศ ทำให้การศึกษาวิจัยเป็นไปอย่างรอบด้านและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
  7. หลักฐานทางประวัติศาสตร์ฝ่ายไทยประเภทลายลักษณ์อักษรที่สำคัญในสมัยอยุธยาถึงก่อนสมัยใหม่ ได้แก่ จารึก ซึ่งเป็นหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดและบันทึกบนวัสดุคงทน และพงศาวดาร ซึ่งเป็นบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชวงศ์และพระมหากษัตริย์โดยเรียงตามกาลเวลา
  8. แนวคิด "รัฐแสงเทียน" อธิบายลักษณะอาณาเขตของรัฐจารีตในอดีตที่ไม่มีขอบเขตแน่นอน โดยเปรียบเสมือนแสงเทียนที่ส่องสว่างมากที่สุดบริเวณศูนย์กลางอำนาจ (ราชธานี) และค่อยๆ จางหายไปเมื่อไกลออกไป แสดงให้เห็นว่าอำนาจการปกครองจะลดน้อยลงตามระยะทาง
  9. ปัจจัยที่นำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมืองตั้งแต่ยุคโลหะ ได้แก่ การตั้งถิ่นฐานบนเส้นทางการคมนาคมและแหล่งทรัพยากรที่สำคัญ การขยายตัวของกลุ่มชนและการเคลื่อนย้ายลงสู่ที่ราบลุ่ม และความสัมพันธ์กับสังคมภายนอกผ่านการแลกเปลี่ยนสินค้า ประสบการณ์ วิทยาการ และวัฒนธรรม เช่น พุทธศาสนา
  10. การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ให้บทเรียนสำคัญว่าความแตกสามัคคีและความอ่อนแอภายใน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้นำและระบบบริหารการปกครอง สามารถนำไปสู่ความอ่อนแอของชาติและเสียเอกราชได้ การที่ประเทศจะอยู่รอดปลอดภัยนั้นต้องมีความเข้มแข็งในทุกด้านตั้งแต่ระดับผู้นำ ระบบการบริหารจัดการ ไปจนถึงความร่วมมือของประชาชน

คำถามในรูปแบบเรียงความ

  1. วิเคราะห์บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยในการสร้างและรักษาเอกราชของชาติ ตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยยกตัวอย่างพระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระมหากษัตริย์อย่างน้อยสองพระองค์
  2. อภิปรายแนวคิด "ชาตินิยม" ที่ปรากฏในแบบเรียนประวัติศาสตร์ไทยของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเน้นข้อดีและข้อเสียของการนำเสนอประวัติศาสตร์ในลักษณะนี้ และเสนอแนวทางในการปรับปรุงการเรียนการสอนประวัติศาสตร์เพื่อส่งเสริมความเข้าใจในบริบทของประชาคมอาเซียน
  3. เปรียบเทียบและอธิบายความแตกต่างของ "การเมืองการปกครอง" ในสมัยสุโขทัยตอนต้น (พ่อปกครองลูก) และสมัยอยุธยาตอนกลาง (การปฏิรูปของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ) โดยเน้นถึงปัจจัยที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและผลกระทบต่อสังคม
  4. วิเคราะห์ความสำคัญของการติดต่อกับต่างประเทศของไทยตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยเน้นบทบาทของมหาอำนาจตะวันตกและประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงผลกระทบต่อการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมไทย
  5. อธิบายความสำคัญของ "ขันติธรรมทางศาสนา" ของผู้นำไทยในการจัดการความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมในสังคมไทยตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน โดยยกตัวอย่างกลุ่มคนต่างชาติพันธุ์ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานและบทบาทของศาสนาในการอยู่ร่วมกัน

อภิธานศัพท์ (Glossary of Key Terms)

  • ประวัติศาสตร์ (History): เรื่องราวเกี่ยวกับการกระทำของมนุษย์ในอดีตที่มีหลักฐานยืนยัน หรือการศึกษาเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์ เพื่ออธิบายความเชิงสาเหตุและผล
  • ประวัติศาสตร์ชาติ (National History): การศึกษาประวัติศาสตร์ที่ให้ความสำคัญกับการเป็นรัฐชาติหรือประเทศชาติ เพื่อสร้างความภาคภูมิใจและสำนึกของความเป็นชาติร่วมกัน
  • ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น (Local History): การศึกษาเรื่องราวหรือความเป็นมาของท้องที่ใดท้องที่หนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งมีหลักฐานบันทึกและอัตลักษณ์ของชุมชนร่วมกัน
  • วิธีการทางประวัติศาสตร์ (Historical Method): กระบวนการศึกษาค้นคว้าวิจัยทางประวัติศาสตร์อย่างเป็นระบบ ซึ่งให้ความสำคัญกับการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อเท็จจริงและหลักฐาน
  • หลักฐานชั้นต้น (Primary Source): หลักฐานที่สร้างขึ้นหรือบันทึกในสมัยของเหตุการณ์ที่ศึกษา หรือเป็นข้อมูลที่ได้จากประจักษ์พยานโดยตรง เช่น จารึก พงศาวดาร เอกสารจดหมายเหตุ
  • หลักฐานชั้นรอง (Secondary Source): หลักฐานที่สร้างขึ้นหรือบันทึกภายหลังจากเหตุการณ์ หรือเป็นข้อมูลที่ได้จากคำบอกเล่าของผู้อื่น เช่น บทความวิชาการ รายงานวิจัย
  • การคิดแบบประวัติศาสตร์ (Historical Thinking): กระบวนการคิดอย่างที่นักประวัติศาสตร์คิด ซึ่งแสดงออกทางทักษะในการอ่านเขียนทางประวัติศาสตร์ เช่น การตั้งคำถาม การประเมินหลักฐาน การตีความ
  • วาทกรรม (Discourse): ชุดความรู้หรือแนวคิดที่แตกต่างกันซึ่งถูกผลิตและนำเสนอออกมาสู่สังคม โดยอาจทรงพลังหรือเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง
  • จารึก (Inscription): หลักฐานประเภทลายลักษณ์อักษรที่เก่าแก่ที่สุด มักบันทึกเรื่องราวบนวัสดุที่คงทน เช่น แผ่นศิลา โลหะ
  • ตํานาน (Legend/Myth): หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีที่มาจากเรื่องเล่าสืบต่อกันมาและมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรในภายหลัง มักเกี่ยวข้องกับประวัติราชวงศ์ บ้านเมือง หรือประชาชน
  • พระราชพงศาวดาร (Royal Chronicle): บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ พระราชกรณียกิจ และพระราชสำนัก โดยเรียงเหตุการณ์ตามกาลเวลา
  • จดหมายเหตุ (Record/Chronicle): บันทึกร่วมสมัยที่จดเรื่องราวในวันเวลาใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุการณ์ มักเป็นการบันทึกเหตุการณ์เดียวหรือช่วงเวลาสั้นๆ
  • รัฐจารีต (Traditional State): รูปแบบรัฐในอดีตที่อาณาเขตไม่มีความแน่นอนชัดเจน มีลักษณะเป็นปริมณฑลแห่งอำนาจ (Mandala) หรือรัฐแสงเทียน
  • รัฐชาติ (Nation-State): ระบบรัฐรูปแบบใหม่ที่มีเขตแดนแน่นอน มีรัฐบาลกลาง และประชาชนที่มีสำนึกของความเป็นชาติร่วมกัน
  • จักรพรรดิราช (Chakravartin): แนวคิดทางการเมืองที่ผู้นำรัฐจารีตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช้เพื่อแสดงความเป็น "ราชาเหนือราชา" หรือผู้มีอำนาจและบุญบารมีเหนือกว่ากษัตริย์องค์อื่น
  • การค้าแบบบรรณาการ (Tribute Trade/Jimgong): รูปแบบความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนกับแว่นแคว้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งแว่นแคว้นต่างๆ ต้องส่งทูตนำบรรณาการไปถวายจักรพรรดิจีน เพื่อให้จีนรับรองความชอบธรรมในการปกครองและสามารถค้าขายกับจีนได้
  • จตุสดมภ์ (Four Pillars of Government): ระบบการปกครองส่วนกลางที่ใช้ในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้น ประกอบด้วย 4 กรมหลัก ได้แก่ กรมเวียง (นครบาล), กรมวัง (ธรรมาธิกรณ์), กรมคลัง (โกษาธิบดี), และกรมนา (เกษตราธิการ)
  • ศักดินา (Sakdina): ระบบการกำหนดสิทธิ ตำแหน่ง หน้าที่ และความรับผิดชอบของบุคคลในสังคมไทยในอดีต รวมถึงเป็นเกณฑ์กำหนดการมีที่นาและการปรับไหมตามกฎหมาย
  • การปฏิรูปประเทศ (Reformation/Modernization): กระบวนการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงประเทศให้ทันสมัยตามแนวคิดตะวันตก ทั้งในด้านการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม และการทหาร
  • ขันติธรรมทางศาสนา (Religious Tolerance): การเปิดกว้างและยอมรับความแตกต่างทางศาสนา ทำให้ผู้คนต่างศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุขในสังคม
ครูเค รักล้านนา

รักอิสระ รักสุขภาพ รักฟ้อนเจิงล้านนา

ใหม่กว่า เก่ากว่า